อำนาจหน้าที่สำนักงานการบังคับคดีนครปฐม
สำนักงานการบังคับคดีนครปฐม มีอธิบดีอัยการเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ มีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้
(ก) รับผิดชอบงานศูนย์กลางระบบฐานข้อมูลลูกหนี้ตามคำพิพากษา ของหน่วยงานของรัฐและจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา งานสำรวจข้อมูลทรัพย์สินและสถานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษาของหน่วยงานของรัฐและจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา และงานการบังคับคดีแพ่ง คดีปกครอง และคดีอาญาเฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษาตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุด
(ข) รับผิดชอบการดำเนินคดีทั้งปวงอันเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่ง คดีปกครอง และคดีอาญาเฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษาตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการหรือสำนักงานอัยการสูงสุด
(ค) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
ให้หน่วยงานราชการในสำนักงานการบังคับคดี มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(ก) สำนักอำนวยการนครปฐม มีอำนาจหน้าที่
(๑) รับผิดชอบงานธุรการ งานสารบบคดี งานบริหารงานบุคคล งานเลขานุการ นักบริหารงานงบประมาณ งานการเงินและบัญชี งานเกี่ยวกับอาคารสถานที่ พัสดุและยานพาหนะของสำนักงานการบังคับคดี
(๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
(ข) สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี ๑-๔ มีอัยการพิเศษฝ่าย เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ มีอำนาจและหน้าที่
(๑) รับผิดชอบงานสำนักงานการบังคับคดีตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด
(๒) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
ประกอบกับ ตามประกาศคณะกรรมการอัยการ เรื่อง การแบ่งหน่วยงาน และการกำหนดอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงานภายในสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ศ.๒๕๕๔ ข้อ ๖ (๑๙) ให้แบ่งหน่วยงานราชการอัยการออกเป็นหน่วยงานราชการภายในสำนักงานอัยการ โดยกำหนดให้สำนักงานการบังคับคดีแบ่งหน่วยงานภายในเป็นสำนักอำนวยการ และสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี ๑-๔ ปัจจุบันสำนักงานการบังคับคดีมีสำนักอำนวยการ และสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี ๑-๓ โดยสำนักงานการบังคับคดีเปิดทำการ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2554 ตามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 617/2554 เรื่อง เปิดทำการสำนักงาน การบังคับคดีและโอนสำนวนการบังคับคดี สำนักงานการบังคับคดีจึงมีสำนวนที่โอนจากศูนย์ประสานงานบังคับคดี ซึ่งรับสำนวนจากสำนักงานคดีต่าง ๆ ทั่วประเทศมาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับคดีแพ่ง คดีปกครอง คดีอาญา (โทษปรับและผิดสัญญาประกัน) ตอบข้อหารือ และดำเนินการชั้นศาลที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดี ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวจะต้องดำเนินการจนกว่าจะพ้นระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี หรือพ้นอายุความบังคับโทษปรับ 5 ปี หรือจนกว่าตัวความจะได้รับชำระหนี้หรือค่าปรับครบถ้วนตามคำพิพากษา
ในการดำเนินการดังกล่าวได้อาศัยกฎหมายและระเบียบ ดังนี้
1. พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14 (7) ให้พนักงานอัยการมีอำนาจ และหน้าที่ดำเนินการตามที่เห็นสมควรเกี่ยวกับการบังคับคดีอาญาเฉพาะในส่วนของการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา ในการนี้มิให้เรียกค่าฤชาธรรมเนียมจากพนักงานอัยการ
2. พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14 (8) ในกรณีที่มีการผิดสัญญาประกันจำนครปฐม หรือประกันรับสิ่งของไปดูแลรักษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินคดีในการบังคับให้เป็นไปตามสัญญานั้น
3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29/1 ในกรณีที่ผู้ต้องโทษปรับไม่ชําระค่าปรับภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ให้ศาลมีอํานาจออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สิน หรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินของผู้นั้นเพื่อใช้ค่าปรับ การบังคับคดีตามวรรคหนึ่ง ให้นําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยให้เจ้าพนักงานศาลที่ได้รับแต่งตั้งและพนักงานอัยการเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ในการดําเนินการบังคับคดี และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจหน้าที่ยึดทรัพย์สิน หรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินของผู้ต้องโทษปรับ และขายทอดตลาดตามที่ได้รับแจ้งจากศาลหรือพนักงานอัยการ ทั้งนี้ มิให้หน่วยงานของรัฐเรียกค่าฤชาธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายจากผู้ดําเนินการบังคับคดี การตรวจสอบหาทรัพย์สินของผู้ต้องโทษปรับ โดยพนักงานอัยการเพื่อการบังคับคดีตามวรรคสอง ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในข้อบังคับของอัยการสูงสุด บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบต่อการที่ศาลจะมีคําสั่งตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง”
4. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอํานาจสั่งบังคับตามสัญญาประกัน หรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งงดการบังคับตามสัญญาประกันหรือลดจํานวนเงิน ที่ต้องใช้ตามสัญญาประกันก็ได้ โดยคํานึงถึงความพยายามของผู้ประกัน ในการติดตามตัวผู้ต้องหาหรือจํานครปฐม ที่หลบหนี รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงใดประกอบด้วย และเมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการ มีอํานาจอุทธรณ์ได้ คําวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ให้เป็นที่สุด เงินสดหรือหลักทรัพย์อื่นที่นํามาวางต่อศาลเพื่อเป็นหลักประกัน ตามมาตรา ๑๑๔ ไม่อยู่ในข่ายที่ จะถูกยึดหรืออายัดเพื่อชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อื่นจนกว่าความรับผิดตามสัญญาประกันจะระงับสิ้นไป เว้นแต่ศาลเห็นว่าหนี้ของเจ้าหนี้นั้นมิได้เกิดจากการฉ้อฉลและมีคําสั่งให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว ในกรณีที่จําเป็นต้องมีการบังคับคดีเพราะผิดสัญญาประกันตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลมีอํานาจ ออกหมายบังคับคดีหรือคําสั่งอื่นใดเพื่อบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาประกันได้ เสมือนว่าเป็นลูกหนี้ ตามคําพิพากษา โดยให้เจ้าพนักงานศาลที่ได้รับแต่งตั้งและพนักงานอัยการเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ในการบังคับ ตามสัญญาประกัน และให้เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี มีอํานาจหน้าที่ยึด หรืออายัดทรัพย์สินของผู้ประกันและขายทอดตลาดตามที่ได้รับแจ้งจากศาล หรือพนักงานอัยการ และถ้าจะต้องขายทรัพย์สินที่วางเป็นหลักประกันไว้ต่อศาล เมื่อศาลส่งทรัพย์สินหรือหนังสือสําคัญสําหรับทรัพย์สินนั้นไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ให้ถือว่าได้มีการยึดทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ มิให้หน่วยงานของรัฐเรียกค่าฤชาธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายจากผู้ดําเนินการบังคับคดี
การบังคับคดีตามมาตรานี้ ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม เว้นแต่ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะออกข้อบังคับกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น ข้อบังคับนั้นเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้”
5. ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินการบังคับคดี พ.ศ. 2555 ข้อ 41 เมื่อตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินของจำเลยที่สามารถยึดมาใช้ค่าปรับได้ ให้ยื่นคำแถลงพร้อมรายละเอียดของทรัพย์สินต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดี และขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินดังกล่าวใช้ค่าปรับหรือแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีของกรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์สินดังกล่าวใช้ค่าปรับ ทั้งนี้ พนักงานอัยการอาจแถลงต่อศาลเพื่อขอให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ศาลร่วมไปดำเนินการเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ รักษาทรัพย์ หรือการบังคับอื่นใดเกี่ยวกับการบังคับคดีด้วยก็ได้
วรรคสอง ในกรณีที่หมายบังคับคดีของศาลระบุได้ความว่า ให้พนักงานอัยการเป็นผู้นำ เจ้าพนักงานบังคับคดีไปดำเนินการยึดทรัพย์สิน ให้พนักงานอัยการมอบหมายเจ้าหน้าที่บังคับคดีและเจ้าหน้าที่ศาลตามวรรคหนึ่ง (ถ้ามี) ร่วมไปกับเจ้าพนักงานบังคับคดีของกรมบังคับคดี นำยึดทรัพย์ รักษาทรัพย์ หรือการบังคับคดีอื่นใดเกี่ยวกับการบังคับคดีตามที่พนักงานอัยการเห็นสมควร
วรรคสาม ในการบังคับคดียึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามคำพิพากษา ให้นำความในหมวด 1 ว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งมาใช้โดยอนุโลม
ข้อ 42 เพื่อเป็นการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการอำนวยความยุติธรรม การรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ในการบังคับคดีที่ศาลออกหมายยังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามสัญญาประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล และกรณีผิดสัญญาประกันการรับสิ่งของไปดูแลรักษา ให้นำความในหมวด 1 ว่าด้วยการบังคับคดีแพ่งมาใช้โดยอนุโลม
ความลับการเป็นข้าราชการมาถึงมือท่านแล้ว
ไฟล์ราคา 389 เพิ่ม 100 บาท แถมฟรี ชุดติวสอบ ภาค ก แบบเข้าใจง่าย
หนังสือราคา 789 บวก แถมฟรี MP3บรรยาย และโปรแกรมฝึกทำข้อสอบ ภาค ก
>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการหน่วยงานและจังหวัดสำนักงานบังคับคดีนครปฐม <<
หนังสือราคา 789 บวก แถมฟรี MP3บรรยาย และโปรแกรมฝึกทำข้อสอบ ภาค ก
>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการหน่วยงานและจังหวัดสำนักงานบังคับคดีนครปฐม <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<